หากพูดถึง สงขลา หลายคนคงนึกถึงแต่ หาดใหญ่ หรือไก่ทอดหาดใหญ่ เจ้าดังของเมืองไทยกันใช่ไหมคะ? แต่จริง ๆ แล้วจังหวัดสงขลา ไม่ได้มีเพียงแค่หาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักประวัติความเป็นมาของสงขลาให้ทุกคนได้รู้ถึงเสน่ห์ในอีกมุมที่ไม่เคยรู้ของจังหวัดนี้ ผ่านคู่มือท่องเที่ยวสงขลากันค่ะ
รายการเนื้อหา
ประวัติความเป็นมาของจังหวัดสงขลา
สงขลา ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของประเทศไทยมาแต่สมัยโบราณ โดยที่มาของชื่อเมืองสงขลาปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในบันทึกของพ่อค้าและนักเดินเรือชาวอาหรับ-เปอร์เซีย ระหว่าง ปี พ.ศ.1993-2093 ในนามของ “เมืองซิงกูร์” หรือ “ซิงกอร่า” และในหนังสือประวัติศาสตร์เและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยามของนายนิโกลาส แซร์แวส ปรากฎชื่อเมืองสงขลาว่า “เมืองสิงขร” จึงสันนิษฐานว่า สงขลา น่าจะเป็นคำที่เพี้ยนมาจาก “สิงหลา (สิง-หะ-ลา)” หรือ “สิงขร” แปลว่า เมืองสิงห์ เนื่องจากมีพ่อค้าชาวเปอร์เซีย อินเดีย ได้แล่นเรือผ่านมาค้าขายและเห็นเกาะหนูเกาะแมว ซึ่งเมื่อมองจากระยะไกล ๆ ทำให้มองเห็นเป็นภาพสิงห์สองตัวหมอบเฝ้าปากทางเข้าเมืองสงขลา ชาวอินเดียจึงเรียกเมืองนี้ว่า สิงหลา ส่วนไทยเรียกว่า เมืองสทิง และเมื่อมลายูเข้ามาติดต่อค้าขายก็เรียกว่า เมืองสิงหลา แต่ออกเสียงเพี้ยนเป็นสำเนียงฝรั่ง จึงกลายเป็น ซิงกอร่า (Singora) ทำให้ภายหลังไทยจึงเริ่มออกเสียงเพี้ยนตาม และกลายมาเป็น สงขลา
อีกหนึ่งที่มาของชื่อสงขลา คาดว่าน่าจะมาจากคำว่า “สิงขร” ที่แปลว่า ภูเขา เนื่องจากเมืองสงขลาเดิมตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา และเจ้าเมืองคนแรกยังได้รับพระราชทานนามว่า “วิเชียรคีรี” จึงมีความหมายสอดคล้อง กับลักษณะภูมิประเทศ
ดังนั้นภายหลังในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชวินิจฉัยไว้ว่า “สงขลา” เดิมชื่อ “สิงหนคร (สิง-หะ-นะ-คะ-ระ)” แต่ชาวมลายูพูดเร็วและออกเสียงเพี้ยน ทำให้ออกเสียงเป็น ซิงคะรา หรือ สิงโครา จนมีการเรียกเป็น ซิงกอรา
สงขลา เป็นจังหวัดที่มีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เดิมเคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรเซี้ยะโท้หรือเซ็กโท โดยมีการค้นพบหลักฐาน คือ ขวานหิน ที่เป็นเครื่องมือในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่อำเภอสทิงพระ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2162-2223 ได้กลายมาเป็น เมืองสงขลาริมเขาแดง ที่มีความเจริญด้านการค้าขายกับต่างประเทศ โดยมีเจ้าเมืองเป็นเชื้อสายมลายูที่อพยพมาจากอินโดนีเซีย ต่อมาในปี พ.ศ. 2185-2223 เจ้าเมืองสงขลาได้กลายเป็นกบฏ ไม่ยอมขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา ทำให้ถูกสมเด็จพระนารายณ์มหาราชปราบจนตกเป็นเมืองขึ้นของเมืองพัทลุง
จนถึงช่วงปี พ.ศ. 2242-2319 เมืองสงขลาได้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นที่บริเวณบ้านแหลมสน เรียกว่า เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน และได้พัฒนามาเป็นหัวเมืองขนาดใหญ่ ในสมัยกรุงธนบุรี และสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยพระเจ้ากรุงธนบุรีได้แต่งตั้งให้ จีนเหยี่ยง แซ่เฮ่า ซึ่งเป็นนายอากรรังนก เป็นเจ้าเมือง และในปีพ.ศ. 2318 ได้รับพระราชทินนามเป็น “หลวงสุวรรณคีรีสมบัติ” ซึ่งถือเป็นต้นตระกูล ณ สงขลา มานับแต่นั้น
จนกระทั่งสิ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นถึงปีพ.ศ.2475 ได้มีการยุบมณฑลและภาค เปลี่ยนเป็นจังหวัด ทำให้ สงขลา กลายมาเป็น จังหวัดสงขลา จนถึงปัจจุบัน
ภาพรวมของจังหวัดสงขลา
สงขลา เป็นเมืองแห่งการค้าขายที่สำคัญมาแต่สมัยโบราณ รวมถึงมีประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ และประเพณีวัฒนธรรมค่อนข้างเก่าแก่ ทำให้สงขลากลายเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายและหลากหลาย ทั้งทะเล น้ำตก และทะเลสาบ รวมถึงกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการลงทุนที่สำคัญของภาคใต้ ทำให้ปัจจุบันสงขลาถือเป็นจังหวัดที่เติบโต และเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
สงขลาในปัจจุบัน
สงขลา เป็นหนึ่งใน 77 จังหวัดของประเทศไทย อยู่ภาคใต้ตอนล่าง มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 และมีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 4,853,249 ไร่ เป็นอันดับ 3 ของภาคใต้ โดยมีตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดคือ รูปหอยสังข์บนพานแว่นฟ้า ส่วนสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากสงขลา ตั้งอยู่ในเขตอิทธิพลของลมมรสุมเมืองร้อน ทำให้มีลมมรสุมพัดผ่านประจำทุกปี คือ ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ส่งผลให้สงขลามีเพียง 2 ฤดู คือ ฤดูร้อนและฤดูฝน เท่านั้น
ปัจจุบัน สงขลา มีด้วยกันทั้งหมด 16 อำเภอ ดังนี้
- อำเภอเมืองสงขลา
- อำเภอสทิงพระ
- อำเภอจะนะ
- อำเภอนาทวี
- อำเภอเทพา
- อำเภอสะบ้าย้อย
- อำเภอระโนด
- อำเภอกระแสสินธุ์
- อำเภอรัตภูมิ
- อำเภอสะเดา
- อำเภอหาดใหญ่
- อำเภอนาหม่อม
- อำเภอควนเนียง
- อำเภอบางกล่ำ
- อำเภอสิงหนคร
- อำเภอคลองหอยโข่ง
ซึ่งแต่ละอำเภอก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง ทะเลสวย ๆ อุทยานแห่งชาติและน้ำตก หรือจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัดวาอาราม เรียกว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์เหลือล้น สมกับคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า “นกน้ำเพลินตา สมิหลาเพลินใจ เมืองใหญ่สองทะเล เสน่ห์สะพานป๋า ศูนย์การค้าแดนใต้”
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยว
- ฤดูร้อน (กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม) เป็นช่วงว่างของลมมรสุม อากาศจะเริ่มร้อนและร้อนสุดในเดือนเมษายน แต่ไม่ถึงกับร้อนมากนัก เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ทะเล อุณหภูมิเฉลี่ย: 28.6 – 37 องศา ถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุด เหมาะกับการไปเล่นทะเล น้ำตก โดยสถานที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักไปกันช่วงนี้ เช่น หาดสมิหลา, น้ำตกโตนงาช้าง และน้ำตกผาดำ เป็นต้น
- ฤดูฝน (สิงหาคม – มกราคม) เป็นช่วงที่มีลมมรสุมทั้งตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีฝนตกต่อเนื่อง แต่ในช่วงลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีฝนตกชุกมากกว่า เนื่องจากพัดผ่านอ่าวไทย อุณหภูมิเฉลี่ย: 24 – 33 องศา เหมาะกับการไปตั้งแคมป์ ชมวิวทะเลหมอก โดยสถานที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักไปกันช่วงนี้ เช่น ลิวงค์, เขาคูหา และเกาะยอ เป็นต้น
วิธีเดินทางไปสงขลา
การเดินทางไปสงขลานั้นแสนง่ายดาย เนื่องจากมีการเดินทางหลายรูปแบบให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ
- โดยเครื่องบิน ปัจจุบันสายการบินเกือบทุกสาย ล้วนมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพไปยังหาดใหญ่ ที่สำคัญราคายังสบายกระเป๋าอีกด้วย โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด
- โดยรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช-ตรัง-พัทลุง ก็จะถึง สงขลา รวมระยะทาง 970 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง 58 นาที
- โดยรถโดยสารประจำทาง สามารถไปขึ้นรถที่ให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-สงขลา ที่สถานีขนส่งสายใต้ กรุงเทพฯ ได้เลย โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง
- โดยรถไฟ สามารถขึ้นสถานีรถไฟจากกรุงเทพ ไปลงที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ได้เลย โดยจะใช้เวลาเดินทางมากกว่า 14 ชั่วโมง
เที่ยวสงขลาพักที่ไหนดี
ย่านเมืองเก่า
เป็นย่านในตัวเมืองยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักไปพักกัน โดยจะเป็นย่านที่สะดวกสบายที่สุด เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เดินทางได้ง่าย ที่สำคัญใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองด้วย
เกาะยอ
ส่วนใหญ่เป็นที่พักแนวโฮมสเตย์ ให้ความรู้สึกสงบ เรียบง่าย เจ้าของที่พักล้วนเป็นคนในพื้นที่ ดังนั้นก็จะได้สัมผัสกลิ่นอายถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นั้น รวมถึงสามารถเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ภายในเกาะยอได้ง่าย
หาดใหญ่
เป็นอีกย่านที่พักใจกลางเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไปพัก ซึ่งจุดเด่นของย่านนี้ คือ ที่พักติดทะเล ดังนั้นหากใครที่อยากตื่นมาพร้อมกับชมพระอาทิตย์ขึ้นติดทะเล แนะนำพักย่านนี้เลย
สิ่งที่ต้องทำเวลาไปสงขลา
เยี่ยมชมความสวยงามอลังการของทัชมาฮาลเมืองไทย
สงขลา มีมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา หรือเรียกอีกชื่อว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม เป็นมัสยิดขนาดใหญ่และสวยงามเป็นอย่างมาก ภายในตกแต่งด้วยความประณีต ประกอบกับด้านหน้ามีสระน้ำที่ทอดตัวยาวกว่า 200 เมตร ทำให้มัสยิดแห่งนี้ดูละม้ายคล้ายคลึงกับทัชมาฮาลที่ ประเทศอินเดีย จนได้รับการขนานนามว่า “ทัชมาฮาลเมืองไทย” รวมถึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดสงขลาอีกด้วย
เล่นน้ำ คลายร้อนที่หาดสมิหลา
หากมาสงขลา แล้วไม่ได้มาที่หาดสมิหลา ถือว่ายังมาไม่ถึงสงขลา เนื่องจากหาดสมิหลาถือเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดและยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดเลยทีเดียว
เช็คอินน้ำตกโตนงาช้าง
น้ำตกโตนงาช้าง เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง มีทั้งหมด 7 ชั้น โดยชั้นที่ 3 หรือ โตนงาช้าง เป็นชั้นที่สวยที่สุด เพราะน้ำตกชั้นนี้จะมีสายน้ำที่ไหลจากหน้าผาแยกออกเป็นสองสายคล้ายกับงาช้าง
ตั้งแคมป์ที่สวิตเซอร์แลนด์แดนจะนะ
สวิตเซอร์แลนด์แดนจะนะ หรือ ลิวงค์ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ในอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวมักนิยมมาพักผ่อนกัน เนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ประกอบกับบรรยากาศร่มรื่น สงบ ทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย
ถ่ายภาพเกร๋ ๆ ที่ย่านเมืองเก่า สงขลา
ย่านเมืองเก่า สงขลา เป็นย่านเก่าแก่และมีประวัติมาอย่างยาวนานกว่า 200 ปี ภายในมีถนนที่สำคัญด้วยกันทั้งหมด 3 สาย ซึ่งแต่ละสายก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแตกต่างกัน โดยส่วนมากนักท่องเที่ยวมักนิยมมาถ่ายภาพกับ Street Art และแวะชมโรงสีแดง หับ โห้ หิ้น กัน
ชอปปิงที่ตลาดน้ำคลองแห
ตลาดน้ำคลองแห เป็นตลาดน้ำเชิงวัฒนธรรมแห่งแรกของภาคใต้ ภายในมีสินค้าหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นบ้านโบราณและอาหารปักษ์ใต้หายาก รวมถึงมีการแสดงต่าง ๆ จากคนในท้องถิ่นด้วย
นั่งกระเช้าลอยฟ้าเพื่อชมวิวยอดเขาคอหงส์
กระเช้าลอยฟ้าของที่นี่ ถือว่าเป็น กระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยสามารถนั่งชมวิวเมืองสงขลาได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว
สัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่ายที่เกาะยอ
เกาะยอ เป็นเกาะเล็ก ๆ กลางทะเลสาบสงขลา รวมถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกหนึ่งแห่งของเมืองสงขลาด้วย ภายในเกาะมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดแหลมพ้อ วัดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปีของจังหวัดสงขลา หรือจะเป็นสะพานติณสูลานนท์ สะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้เกาะยอ ยังมีโฮมสเตย์ เปิดรับนักท่องเที่ยวให้มาพักกันได้
ขอให้สนุกกับการเดินทาง!
เมืองสงขลา เป็นอีกจังหวัดที่มีเสน่ห์หลากหลายด้าน ไม่ว่าจะสถานที่ท่องเที่ยว ของกิน วัฒนธรรม รวมถึงผู้คน เชื่อว่าหากใครได้มา รับรองเลยว่าต้องหลงรักจังหวัดนี้กันแน่นอน และหวังว่าคู่มือนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่อยากไปสงขลา ขอให้มีความสุขกับการเดินทางและเพลิดเพลินกับเมืองสิงหนครนะคะ