พาทัวร์ Harajuku ย่านใหญ่ใจกลางโตเกียว คึกคักจนต้องมาสัมผัส!

ถ้าสยามเป็นย่านฮิปในกรุงเทพฯ ฮาราจูกุ (Harajuku) ก็คงเป็นอีกหนึ่งย่านขวัญใจวัยรุ่นโตเกียว! เพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนย่านวาไรตี้สุดชิค ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของสตรีทแฟชั่นสุดคาวาอี้ เป็นแหล่งชอปปิ้งยอดฮิตของวัยรุ่น มาแล้วบอกเลยว่าคุณจะได้เห็นสไตล์การแต่งตัวแบบคอสเพลย์สุดโต่ง ทำผมหลากสีสันสุดๆ ย่านนี้ถือเป็นศูนย์รวมทางแฟชั่น และวัฒนธรรมที่โดดเด่นแห่งหนึ่งในโตเกียว วันนี้ถือโอกาสมาเยือนญี่ปุ่น ก็ต้องแวะมาอัพเดตความคึกคักซักหน่อยค่า

Harajuku ย่านฮิตของวัยรุ่นญี่ปุ่น

ถ้าพูดถึงย่านนี้ คิดว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ย่านยอดฮิตติดอันดับที่ต้องมาในโตเกียว! ฮาราจูกุ ตั้งอยู่ในด้านทิศตะวันตก เป็นหนึ่งใน 23 เขตพิเศษของ กรุงโตเกียว ย่านท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เต็มไปด้วยห้างสินค้าแฟชั่น และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง Isetan, Takashimaya เป็นย่านสำหรับการช็อปปิ้ง อัพเดตแฟชั่นเทรนด์ใหม่ และเป็นแหล่งแฟชั่นทันสมัยของวัยรุ่นญี่ปุ่น ถ้าใครกำลังมองหาเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ ไม่ซ้ำใคร อาจจะต้องมาเยือนย่านนี้ดูซักครั้ง!

นอกจากจะเป็นแหล่งรวมแฟชั่นยอดฮิตแล้ว ที่นี่ก็ยังเป็นสวรรค์ ของเหล่าคนรักคาเฟ่ฮ็อปปิ้ง เพราะเต็มไปด้วยร้านน่ารักๆ กระจายอยู่ทุกตรอกซอกซอย ให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ ย่านHarajuku จึงเรียกได้ว่า จะมากี่ครั้งก็รู้สึกได้พบเจออะไรแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครอยู่เสมอ เพียงแค่ได้เดินเล่นริมถนนในย่านนี้ ก็คงรู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเลย

Takeshita Street

มาฮาราจูกุแล้ว ก็ขอแวะมาเที่ยวถนนคนเดินยอดนิยมอย่าง Takeshita Street หรือ ถนนทาเคชิตะ (Takeshita Dori) ที่นี่เป็นไฮไลต์หนึ่งในการมาเที่ยวย่านฮาราจุกุ โดยถนนจะเริ่มต้นที่ฝั่งตรงข้ามสถานี JR Harajuku ไปสิ้นสุดที่ถนน Meiji Dori มีความยาวรวมแค่เกือบ 400 เมตรเท่านั้น เป็นถนนที่เต็มไปด้วยสีสันสดใสตลอดทาง อัดแน่นไปด้วยคาเฟ่ ช้อปปิ้งมอลขนาดใหญ่ และในช่วงยามค่ำคืนก็คึกคักไม่แพ้กัน 

แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าสูงใหญ่ และย่านการค้าชั้นนำมากมาย แต่ถนนคนเดินก็ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ชาวญี่ปุ่นชอบไป อย่างถนนทาเคชิตะ ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร เสื้อผ้า และเครื่องประดับมากมาย อีกหนึ่งร้านที่พวกเราสังเกตได้ว่ามีเยอะมากกก นั่นก็คือร้านเครป! ที่นี่เต็มไปด้วยร้านขายเครปมากมาย น่าจะเป็นเมนูยอดนิยมจริงๆ รับรองได้เลยว่ามาที่นี่ได้ทั้งกินทั้งช้อปไม่มีอด

โอโมเตะซันโด (Omotesando)

อีกหนึ่งแห่งที่ใครเป็นสายแฟชั่นบอกเลยว่าควรแวะ! นั่นก็คือ โอโมเตะซันโด (Omotesando) หรือถนนสายแบรนด์เนม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากฮาราจูกุ ซึ่งถนนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยแหล่งช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นดีแห่งย่านฮาราจูกุ โดดเด่นไปด้วยแบรนด์ดังมีชื่อเสียงมากมาย และเต็มไปด้วยร้านอาหารบรรยากาศดี ร้านกาแฟที่ดูดีมีสไตล์ เสมือนศูนย์รวมสิ่งมีสไตล์มารวมกัน

ถนนแห่งนี้ เรียงรายด้วยไปด้วยต้นไม้ตลอดสองข้างทาง ทำให้ตลอดการเดินเล่นที่นี่ร่มรื่นสุดๆ สามารถช้อปปิ้งได้อย่างสบายใจไม่ต้องกลัวร้อน ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยจนต้องอยากหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเลยทีเดียว ใครที่แวะมาเดินเล่นแถวนี้ระวังกระเป๋าตังค์ไว้ให้ดี เพราะที่นี่เป็นแหล่งละลายทรัพย์ชั้นดีที่คุณอาจไม่รู้ตัว!

• การเดินทาง : นั่ง Tokyo Metro Chiyoda Line, Ginza Line และ Hanzomon Line มาลงสถานี Omotesando Station

ศาลเจ้าเมจิ Meiji Shrine

มาถึงญี่ปุ่นทั้งที ถ้ามีโอกาส อยากให้แวะมาที่ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Shrine) ศาลป่าใหญ่กลางกรุงโตเกียว เป็นศาลเจ้าที่กว้างที่สุดในญี่ปุ่น และจำนวนผู้เดินทางมาสักการะก็ยืนหนึ่งเช่นเดียวกัน เยอะขนาดที่ว่า มีจำนวนคนไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคนมาขอพรที่นี่ในช่วงปีใหม่ เพื่อสวดมนต์แรกของปี โดยศาลแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่จักรพรรดิ และจักรพรรดินีในสมัยเมจิ จึงมีไว้สำหรับสักการะบูชาพระราชวงศ์นั่นเอง

ในระหว่างทางที่เดินไปยังศาลเจ้า เราจะเห็นสัญลักษณ์โทริอิขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เปรียบเสมือนประตูไม้ ให้เราได้เดินเข้าไปสู่โลกแห่งเทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทั้งสองข้างทางจะมีบรรยากาศที่เงียบสงบ มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม เวลาเดินเข้าไปเรื่อยๆ จะรู้สึกโล่ง เย็นสบายตัว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าที่แห่งนี้จะอยู่ใจกลางโตเกียว

เมื่อเดินมาได้จนถึงครึ่งทางแล้ว ในส่วนนี้จะเป็นจุดที่ทุกคนต้องแวะถ่ายรูปเช็คอินกันสุดๆ นั่นก็คือมุม ถังสาเก ที่ตั้ววางเรียงรายสง่าสวยงาม อยู่ที่ฝั่งขวามือของทางเดิน ของจริงคืออลังการงานสร้างมากกกก เป็นอีกหนึ่งจุดแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวต่างมาถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างล้นหลามเลย

เดินมาไม่นานเราก็จะเจอกับอาคารหลักของศาลเจ้าเมจิ และซุ้ม Temizuya (เทะมิสุยะ) สำหรับแวะล้างมือ ล้างปาก เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกให้เรียบร้อย ก่อนเข้าสู่ตัวอาคารด้านใน และอีกหนึ่งในไฮไลท์ยอดฮิตของที่นี่ เค้าจะมีซุ้มแขวนแผ่นไม้ Ema (เอมะ) เพื่อขอพร เราสามารถซื้อแผ่นไม้เพื่อนำมาเขียนคำอธิษฐานลงไปได้
และบริเวณใกล้เคียง เราจะเห็นต้นไม้ยักษ์ 2 ต้นที่อยู่คู่กันเรียกว่า เมโอโตะคุสึ (Meoto Kusu) ซึ่งเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่อีกด้วยน้า

อีกหนึ่งอย่างความเชื่อของที่นี่ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลแห่งนี้ มี Power Spot หรือจุดรับพลังที่แรงที่สุด นั่นก็คือ บ่อน้ำของคิโยมาสะ ที่ผุดจากใต้ดินตลอดทั้งปี เชื่อกันว่าถ้าถ่ายรูปบ่อน้ำนี้แล้วแปะเอาไว้ในมือถือ จะทำให้โชคลาภมั่งมี ก้าวหน้าในหน้าที่การงานอีกด้วย

ใครอยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง ลองแวะมาเดินเล่นที่ศาลเจ้าเมจิกันได้ แล้วคุณจะพบป่าใหญ่ร่มรื่นใจกลางเมือง นั่งสูดอากาศหายใจได้อย่างเต็มปอดเลยจ้า

• การเดินทาง : เดินทางไปยังศาลเจ้าเมจิได้ด้วยรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Harajuku Station ออกทางออกที่ชื่อว่า Omote-sando

สรุป

สำหรับการไปเยือนย่านฮาราจูกุครั้งนี้ แนะนำให้หารองเท้า sneakers ดีๆ รองรับกระชับเท้า เพราะว่าการพาทัวร์ครั้งนี้พวกเราเดินกันเยอะมากกก แต่บรรยากาศที่ญี่ปุ่นเค้าเหมาะแก่การเดินชิลจริงๆนะ อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อน แถมต้นไม้เยอะอีกด้วย

ใครที่คิดไม่ตกว่ามาญี่ปุ่นจะไปไหนดี แนะนำให้ลองมาเดินเล่นที่ฮาราจูกุ ย่านขวัญใจวัยรุ่นโตเกียว ที่เต็มไปด้วยแฟชั่นสีสันสดใสตลอดทาง หรือจะมาตามเก็บของอร่อยที่ Takeshita Street ก็คนเยอะคึกคัก มีร้านเด็ดๆ เพียบไม่แพ้กัน และถึงแม้ว่าโตเกียว จะเป็นเมืองใหญ่ที่คับคั่งไปด้วยผู้คน แต่ถ้าได้ลองแวะมาศาลเจ้าเมจิแล้ว ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของความร่มรื่น สูดอากาศสดชื่น บรรเทาความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ

10 โรงแรมใกล้เคียง