หลายคนไปทานอาหารที่ ร้านอาหารไทย อาจจะมีแอบสงสัยกันบ้างแหละว่า เมนูต้ม ชนิดนี้ มันแตกต่างกันอย่างไรนะ ไม่ว่าจะ ต้มยำ ต้มโคล้ง หรือแม้แต่กระทั่ง ต้มแซ่บ เพราะด้วยรสชาติแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ได้แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่ แต่เราบอกเลยว่า ทั้ง 3 เมนูนี้ มีเอกลักษณ์ วัตถุดิบ และรสชาติที่แอบคล้ายกันอยู่นะ วันนี้เราจะมารู้จักกับเมนูไทยแท้ทั้ง 3 ชนิด ว่าแต่ละแบบต่างกันอย่างไร มีจุดเด่นอะไรบ้าง พร้อมแล้วไปเช็คลิสต์กันเลย!
รายการเนื้อหา
ทำความรู้จักกับเมนู ต้มยำ
เมนูนี้บอกได้เลยว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก! เจอตั้งแต่เด็กยันโต เมนูต้ม อันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของไทย ที่ต้องมีทุกร้านอาหาร ต้มยำ หมายถึง น. ชื่อแกงอย่างหนึ่ง ใช้เนื้อปลาหรือเนื้อสัตว์อื่นต้มในนํ้าเปล่าหรือในกะทิ ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด และปรุงรสเปรี้ยวเค็มด้วยนํ้าพริกเผาหรือนํ้าพริก.
วัตถุดิบหลักของต้มยำ : ประกอบไปด้วยข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด มาเพิ่มความหอม และความสดชื่น ใช้พริกขี้หนูมาเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนแซ่บถึงใจ ปกติจะใช้น้ำมะขามเปียกเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว น้ำตาลปี๊บเพิ่มรสหวาน และน้ำปลาเพิ่มรสเค็ม โดยส่วนใหญ่จะนิยมใช้เนื้อสดในการประกอบอาหาร
จุดเด่นของต้มยำ : เมนูต้มยำ จุดเด่นของเมนูนี้จะอยู่ที่รสเปรี้ยวสดชื่นจากมะนาว ในสมัยก่อนนั้น ต้มยำแท้แบบดั้งเดิม จะไม่ใส่กะทิหรือนม จะเป็นต้มยำน้ำใส ใส่หัวกุ้งที่มีมันกุ้งลงไปเพื่อเพิ่มความเข้มข้น ส่วนปัจจุบันจะนิยมเพิ่มน้ำพริกเผา นมข้นจืด หรือหัวกะทิลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติความหอมมันนัว
ทำความรู้จักกับเมนู ต้มแซ่บ
ต้มแซ่บ เมนูนี้เชื่อว่าหลายคนเวลาไปร้านอาหารอีสาน ก็จะพบเห็นเมนูนี้อยู่บ่อยๆ จะบอกว่าเมนูต้มแซ่บ เป็น 1 ใน 3 เมนูที่ไม่มีความหมายปรากฎในพจนานุกรมแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน แต่ถ้าจะให้คำจำกัดความของเมนูนี้ จะหมายถึง เมนูอาหารอีสาน ที่มาจากการดัดแปลงแกงอ่อม มีความคล้ายคลึงกับต้มยำของทางภาคกลาง มีรสชาติที่เผ็ดจัดจ้าน หอมกลิ่นเครื่องเทศ มักใช้พริกป่นช่วยเพิ่มความเผ็ดร้อน
วัตถุดิบหลักของต้มแซ่บ : ในส่วนของเมนูต้มแซ่บ ประกอบไปด้วยข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดเหมือนเมนูต้มยำ นอกจากจะใช้พริกสดแล้ว ยังมีพริกป่นที่นิยมใส่เพื่อเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน มีวัตถุดิบที่เป็นเครื่องสมุนไพรเพิ่มมานั่นก็คือ หอมแดง โหระพา และข้าวคั่ว มาช่วยเพิ่มรสชาติ และความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้เมนูต้มแซ่บ มักนิยมใช้เนื้อติดมัน เนื้อไก่ เนื้อปลา ต้มไปพร้อมๆ กัน
จุดเด่นของต้มแซ่บ : เมนูต้มแซ่บ เหมาะกับคนที่ชอบอาหารรสจัดจ้าน เผ็ดร้อนคอถึงใจ เพราะใช้พริกป่น และพริกสดเพิ่มรสชาติ ที่สำคัญยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพร ไม่ว่าจะเป็น หอมแดง โหระพา และได้วัตถุดิบอย่าง ‘ข้าวคั่ว’ มาเพิ่มความนัวครบรสยิ่งขึ้น ยิ่งกินกับเนื้อติดมันนุ่มๆ ยิ่งแซ่บสมชื่อ!
ทำความรู้จักกับเมนู ต้มโคล้ง
หลายคนอาจจะคุ้นเคยชื่อกันดี หรือบางคนอาจจะไม่รู้จัก ต้มโคล้ง น. ชื่อแกงชนิดหนึ่ง ใช้ปลาแห้งหรือหัวปลาแห้งเป็นต้นต้มกับหัวหอม ส้มมะขาม มะม่วง หรือใบมะขามอ่อน แล้วเติมเกลือ ให้ออกรสเปรี้ยวเค็ม, โฮกอือ ก็เรียก. ต้มโคล้งจะเป็นอาหารที่มีรสชาติคล้ายต้มยำ แต่จะออกไปทางเค็มและเปรี้ยวเป็นหลัก เพราะนิยมใช้ปลาเค็มมาประกอบอาหาร ส่วนสมัยนี้จะนิยมนำปลาชนิดอื่นๆ มาประกอบอาหารเพิ่มเติม
วัตถุดิบหลักของต้มโคล้ง : ในส่วนของเมนูต้มโคล้ง จะมีวัตถุดิบที่คล้ายๆ ต้มแซ่บ และต้มยำ แต่จะเพิ่มปลากรอบ ปลาแห้ง หรือปลาย่าง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของต้มโคล้ง มาต้มกับหอมแดง และสมุนไพรหลากหายชนิด รวมถึงพริกแห้งคั่ว ช่วยกลบกลิ่นคาวปลา และเพื่อเพิ่มรสชาติความเข้มข้นมากขึ้น
จุดเด่นของต้มโคล้ง : เมนูต้มโคล้ง อย่างที่บอกข้างต้นว่า รสชาติจะออกไปทางเค็ม และเปรี้ยวเป็นหลัก แต่น้ำซุปของต้มโคล้งจะรสชาติซ่อนหวานเบาๆ เหมาะต่อการรับประทานกับเนื้อปลาหรืออาหารทะเล จะมีความลงตัวมากกว่า ใครที่ชอบทานน้ำซุปที่รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพรขึ้นจมูก ผสมผสานความเผ็ดร้อนอย่างลงตัว ถ้าได้ลองชิมต้มโคล้งซักครั้งก็อาจติดใจ
สรุป
โดยรวมหลังจากที่เราสรุปให้แล้ว 3 ต้มยำ ต้มโคล้ง ต้มแซ่บ เมนู 3 ต้ม ไทยแท้ที่แตกต่าง สรุปว่าแตกต่างกันนะ! แต่ก็ไม่ได้โดดกันมากอย่างที่คิด ซึ่งเมนูต้มทั้ง 3 ชนิดนี้ บอกเลยว่าเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบอาหารรสจัดจ้าน ซดน้ำซุปร้อนๆ คล่องคอยิ่งนัก! แถมกินแล้วได้ประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย เพราะภายในซุปล้วนแต่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทยทั้งนั้น เย็นนี้ใครยังไม่รู้ว่าจะทำเมนูอะไร เลือก เมนูต้ม ด้านบนแล้วไปลงมือทำกันเลย!
ขอบคุณที่มาจาก :