“ภูเก็ต” อีกหนึ่งจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ที่เรารู้สึกว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของอารยธรรมเมืองเก่า ทั้งสถาปัตยกรรมสุดคลาสิคในเมือง ทะเลสวยที่ตราตรึงใจนักท่องเที่ยวไปทั่วโลก จวบจวนไปถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมที่คึกคักตลอดทั้งวันตั้งแต่เรามาเยือนที่นี่ ว่ากันว่า คนท้องถิ่นที่นี่ ให้ความสำคัญกับการกินมากกก ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย ค่ำ ถ้าคุณหิวเมื่อไร บอกเลยว่าภูเก็ตมีของกินรอคุณอยู่เสมอ! ไม่ต้องกลัวเลยว่ามาที่นี่แล้วจะไม่มีอะไรกิน เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนตามรอย 19 ร้านอาหารภูเก็ต เรียกว่า รวมร้านภูเก็ต พากินตั้งแต่ ร้านมิชลินไกด์ สตรีทฟู้ดรสเด็ด จนไปถึงร้านพื้นเมืองที่คนท้องถิ่นแนะนำ! จะมีที่ไหนน่าโดนบ้าง ตามไปดูกันเลยค่า !!!
มาเยือนภูเก็ตรอบนี้ บอกเลยว่าเราจัดเต็มตัวแตกกันสุดๆ เพราะที่นี่กล้าพูดได้เลยว่า อีกหนึ่งเสน่ห์ที่ควรมาลองเลยคือ ความหลากหลายของอาหาร! ภูเก็ตเต็มไปด้วยอาหารหลายชนชาติ ลิ้มรสความอร่อยไปกับ ร้านมิชลินไกด์ หรือจะเป็น ร้านอาหารภูเก็ต ตั้งแต่คาวยันหวาน เลือกไม่ถูกก็กินวนไปจ้า หรอยอย่างแรงจริงๆ
รายการเนื้อหา
- ร้านที่ 1 : ขนมจีนสะพานหิน
- ร้านที่ 2 : หมี่ต้นโพธิ์
- ร้านที่ 3 : หมอมูดง
- ร้านที่ 4 : โรตีน้ำแกง (แถวน้ำ)
- ร้านที่ 5 : ครัวโอมภูเก็ต
- ร้านที่ 6 : ร้านวันจันทร์
- ร้านที่ 7 : ลอดช่องหล่อโรง
- ร้านที่ 8 : นานาบ้าบิ่น
- ร้านที่ 9 : โกเบนซ์ ข้าวต้มแห้ง
- ร้านที่ 10 : ปาท่องโก๋แม่ปรานี (นาคา)
- ร้านที่ 11 : อาโป้งแม่สุณี
- ร้านที่ 12 : โลบะบางเหนียว
- ร้านที่ 13 : Phuketique
- ร้านที่ 14 : Day and Night
- ร้านที่ 15 : ไอติม I-SKOOP
- ร้านที่ 16 : พิเศษ ภูเก็ต
- ร้านที่ 17 : ASTERISK
- ร้านที่ 18 : จ่วนเฮี้ยงติ่มซำ
- ร้านที่ 19 : แป๊ะหลี โอ้เอ๋ว
- สรุป
ร้านที่ 1 : ขนมจีนสะพานหิน
มา “ภูเก็ต” ครั้งนี้ หนึ่งในเมนูที่อยากให้มาลิ้มลองรสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิม นั่นก็คือ เมนูขนมจีน ยิ่งใครเป็นสายเส้นชอบซู้ดปากเป็นชีวิตจิตใจ ชอบอาหารรสชาติจัดจ้าน มาที่นี่ไม่มีผิดหวัง ร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่อของเมืองเก่าภูเก็ต อีกหนึ่งร้านเจ้าอร่อยที่ชาวท้องถิ่นบอกต่อ เปิดมานานกว่า 30 ปี ที่นี่มีน้ำยาให้เลือกหลากหลายรสชาติมาก พร้อมเครื่องเคียงอีกเพียบ! โดนใจสายขนมจีนยิ่งนัก
ในส่วนของเมนูของทางร้านที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เเกงน้ำยา, น้ำยาปู, น้ำพริก, แกงไตปลา, เขียวหวานไก่, น้ำยาป่า หรือเเกงเนื้อ เลือกกินกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว ซึ่งรสชาติหลักๆ ร้านขนมจีน จะเน้นความเข้มข้น รสจัดจ้าน แต่ยังคงความกลมกล่อมได้ดี ที่สำคัญคือกลิ่นหอมไม่ไหว เอาเป็นว่าจานเดียวคงไม่พอ สายกินอย่างเราขอเบิ้ลสองไปเลย! อร่อยไม่ผิดหวัง ต้องลองค่า
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : ขนมจีนสะพานหิน น้ำยาเด็ดรสเข้มข้น หรอยโดนใจ ให้เครื่องเคียงเพียบ!
ร้านที่ 2 : หมี่ต้นโพธิ์
ถ้าถามว่าไปภูเก็ต จะกินบะหมี่ฮกเกี้ยนร้านไหนดี ขอแนะนำร้านนี้เลย หมี่ต้นโพธิ์ หนึ่งในร้านอาหารที่ขายเมนูบะหมี่ฮกเกี้ยนแสนอร่อย ด้วยความที่มีเอกลักษณ์จากเส้นเหนียวนุ่ม นำไปผัดคลุกเคล้ากับเครื่องแน่นๆ เสิร์ฟพร้อมไข่เยิ้มๆ รสชาติเข้มข้นจนหลายคนติดใจ ทำให้ร้านนี้คว้ารางวัล มิชลินไกด์ มาครอบครองได้ในที่สุด และถือเป็นร้านเก่าแก่ที่สืบทอดมากันรุ่นสู่รุ่นอีกด้วย ร้านนี้เค้าใช้วิธีการผัดดั้งเดิมน้า ผัดด้วยเตาถ่าน กลิ่นหอมกะทะไหม้ ชวนให้ทำเอาอยากกินสุดๆ
- หมี่ต้นโพธิ์น้ำ เพิ่มไข่ (80 บาท) เส้นจะคล้ายๆ ยากิโซบะ อวบอ้วนน่ากิน มีความเหนียวนุ่ม แนะนำว่าเจาะไข่ให้แตก กินคู่กับเส้น อร่อยฟินสำหรับสายซดน้ำซุปเลย
- หมี่ต้นโพธิ์แห้ง เพิ่มไข่ (80 บาท) เส้นฮกเกี้ยนเหมือนกัน แต่อันนี้เค้าจะผัดกะทะร้อนๆ หอมกลิ่นเตาถ่านที่สุด! มีความเกรียมนิดหน่อย เส้นจะผัดคลุกเคล้ากับซอสสีเข้มๆ ตัวนี้จะเข้มข้น และมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์กว่า
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : หมี่ต้นโพธิ์ ร้านภูเก็ตเก่าแก่กว่า 70 ปี กับเมนูหมี่ฮกเกี้ยนชื่อดังในตำนาน!
ร้านที่ 3 : หมอมูดง
หมอมูดง ร้านนี้ชื่อออกจะดูแปลกหูไปบ้าง แต่ก็เป็นร้านที่ชาวท้องถิ่นภูเก็ตแนะนำว่ารสชาติถึงพริกถึงขิงจริงๆ เมนูของร้านนี้เค้าจะรวบรวมอาหารพื้นเมืองของชาวภูเก็ต และเมนูหาทานยากที่บางคนก็อาจจะยังไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่ถ้าได้มาลองก็ติดอกติดใจกันเป็นแถบ นอกจากนี้ที่ร้านยังคว้ารางวัล Michelin Users’Choice Top Experiece In Local’s List 2019 – 2022 มาครอบครองได้อีก ในส่วนของเมนูร้านอาหารหมอมูดงนั้น จะเป็นในสไตล์พื้นบ้านส่วนใหญ่ คุณหมอคิดค้น ปรุงสูตรขึ้นมาเอง มีรสชาติความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ถ้าใครชอบร้านอาหารปักษ์ใต้พื้นบ้าน รสชาติจัดจ้านเผ็ดแบบฉบับคนใต้เค้ากินกันจริงๆ สำหรับร้านหมอมูดง ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว จะมาเดี่ยวๆ หรือมากันแบบครอบครัว ก็อิ่มอร่อยครบรส ถ้าไปช่วงวันหยุดอาจจะต้องรอคิวกันซักหน่อย แต่คุ้มค่าความอร่อยแน่นอนค่า
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : หมอมูดง สุดยอดร้านอาหารปักษ์ใต้พื้นบ้าน มาภูเก็ตแล้วห้ามพลาด!
ร้านที่ 4 : โรตีน้ำแกง (แถวน้ำ)
บอกเลยว่าถ้ามา จังหวัดภูเก็ต แล้วล่ะก็ คนท้องถิ่นที่นี่เค้าจะนิยมกิน “โรตี” เริ่มต้นเป็นมื้อแรกของวัน วันนี้เรามาพารู้จักกับ ร้านอาหารเช้าภูเก็ต โรตีน้ำแกง (แถวน้ำ) ร้านเก่าแก่ที่อยู่คู่ย่านภูเก็ตมายาวนานกว่า 70 ปี ถือเป็นจุดหมายปลายทางความอร่อยของทั้งคนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยว ทีเด็ดก็คือโรตีที่มีความหอม กรอบนอกนุ่มใน ทอดแป้งโรตีบนเตาถ่านร้อนๆ อีกหนึ่งของดีภูเก็ตในระดับ ร้านมิชลิน ที่ไม่ควรพลาด
ความโดดเด่นของทางร้านนี้ที่เราต้องยกนิ้วให้ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเลยนั่นก็คือ ตัวโรตีที่ทอดสดๆ ใหม่ ด้วยกะทะแบนขนาดใหญ่บนเตาถ่าน ทำให้มีความกรอบ อร่อย ไม่อมน้ำมัน ส่วนแกงจะเป็นน้ำใสๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศเบาๆ ไม่ได้แรงจนเกินไป เด็กๆ สามารถทานได้ เนื้อนุ่มอร่อยไม่เหนียว ซดได้คล่องคอ ออกหวานนิดๆ สามารถกินได้เรื่อยๆ เลยค่ะ
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : โรตีน้ำแกง (แถวน้ำ) ร้านอาหารเช้าภูเก็ต การันตีความเด็ดระดับมิชลินไกด์!
ร้านที่ 5 : ครัวโอมภูเก็ต
ใครแวะเวียนมาเที่ยวเมืองเก่าย่าน ภูเก็ต หากต้องการที่จะลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่นแบบฉบับดั้งเดิมจริงๆครัวโอมภูเก็ต ถือเป็นอีกหนึ่ง ร้านมิชลินไกด์ ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ได้มาสัมผัส ตั้งแต่บรรยากาศร้านที่ดูเรียบง่าย แต่อบอุ่นไปด้วยผู้คนที่แวะมากินกันอย่างไม่ขาดสาย เพราะทางร้านได้รังสรรค์เมนูพื้นบ้านภาคใต้มาให้เราได้ชิมอย่างสุดฝีมือ เริ่มตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ พิถีพิถันทำเมนูอย่างตั้งใจ ปรุงรสชาติอาหารออกมาได้อย่างจัดจ้านเฉียบขาด ใครชื่นชอบเมนูหาทานยาก อร่อยถูกใจแถมจานใหญ่บึ้มๆ
- กุ้งผัดชะอมไข่เค็ม (150 บาท) อันนี้ดีงาม เป็นหนึ่งในเมนูที่ต้องสั่ง กุ้งตัวกำลังพอดี เนื้อเด้งสู้ฟัน ทานคู่กับผักชะอมที่มีความมันนัว
- ปลาต้มเต้าเจี้ยว (150 บาท) อีกหนึ้งเมนูที่โปรดปรานมากกก จานนี้ทางร้านใช้ปลาเก๋า จะบอกว่าน้ำซุปอร่อยกลมกล่อม หอม สดชื่นมากก ปลาก็สดสุดๆ ให้ปริมาณเยอะอิ่มกำลังดี
- เอี่ยมต้อคั่วเกลือ (150 บาท) เป็นเมนูที่หาทานยากค่ะ คนรักหมูต้องชอบ อันนี้หน้าตาจะคล้ายๆ หมูสามชั้น แต่ไม่ใช่หมูสามชั้น ทางร้านบอกว่าเป็นชิ้นส่วนที่หมูตัวนึง จะมีแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น แรห์ไอเท็มสุดๆ มีความหนึบหนับ กรุบๆเคี้ยวเพลิน
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : ครัวโอมภูเก็ต ร้านเด็ดมิชลินไกด์ 3 ปีซ้อน กับเมนูใต้พื้นเมืองเลิศรส
ร้านที่ 6 : ร้านวันจันทร์
ถ้าใครชื่นชอบร้านอาหารสไตล์คลาสิค ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปมุมไหนก็สวยสะกดทุกสายตาไปหมด ทางเราขอแนะนำให้ร้านนี้ เป็นอีกหนึ่งร้านในลิสต์ของภูเก็ต ที่บรรยากาศไม่ว่าจะมองไปไหน ก็สวยงามถูกใจสายช่างภาพแน่นอน ที่ร้านจะออกแบบเป็นโทนผสมผสานในสไตล์ชิโนโปรตุกีส วินเทจแต่คงความคลาสิคลงตัว ที่นี่มีเมนูท้องถิ่นขึ้นชื่อมากมาย โดยรังสรรค์ความอร่อยได้ตรงสูตรตามฉบับต้นตำรับไทยแท้ รสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนร้านอื่น และได้รับรางวัล มิชลิน บิบ กูร์มองด์ ไปครอบครองเช่นเดียวกัน
- แกงเนื้อปูใบชะพลู+หมี่ (370 บาท) อีกหนึ่งเมนูพื้นเมืองที่พลาดไม่ได้ จานนี้คนชอบแกงปูต้องสั่ง รสชาติเข้มข้นกำลังดี เผ็ดกำลังอร่อย หอมกลิ่นเครื่องแกงสูตรเฉพาะของทางร้าน
- หมูฮ้อง (265 บาท) อันนี้คือต้องสั่ง!!!! แป้งผู้ไม่อินกับหมูฮ้อง คือยกให้ดีสุดเลย หมูสามชั้นนำมาตุ๋นกับเครื่องเทศจนเข้าเนื้อ หมูนุ่มกำลังอร่อย ซอสมาแบบเข้มข้น หอมกลิ่นกระเทียมพริกไทย
- น้ำพริกกุ้งเสียบ (165 บาท) อันนี้จะเป็นน้ำพริกกุ้งเสียบ ของขึ้นชื่อภูเก็ต เมนูกุ้งกรอบๆ นำมาตำจนหยาบคู่กับกะปิกลิ่นหอมๆ พริก และหอมแดง ปรุงรสเสร็จสรรพจนได้น้ำพริกรสเด็ด
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : ร้านวันจันทร์ สุดยอดร้านอาหารพื้นเมืองสูตรต้นตำรับ ที่ชาวภูเก็ตแนะนำ!
ร้านที่ 7 : ลอดช่องหล่อโรง
มาดับร้อนกันที่ ตลาดฉำฉา ที่นี่เค้าเป็นตลาดศูนย์รวมอาหารพื้นเมืองของชาวภูเก็ต เปิดตั้งร้านกันตั้งแต่เช้า ยัน ค่ำ ! ทีเด็ดของที่นี่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ ลอดช่องหล่อโรง เมนูของหวานชื่นใจ ดับกระหายคลายร้อน คิวเยอะสุดในย่านริมทาง ร้านนี้เค้าจะมี ลอดช่องสิงคโปร์ 2 สีนะคะ เรียกว่า ลอดช่องชมพู ลอดช่องเขียว เส้นเหนียวนุ่ม อร่อยลื่นคอ หอมสดชื่นสมคำล่ำลือ!
- ลอดช่องสิงคโปร์ สีเขียว (20 บาท) คือแบบใส่น้ำกะทิ เหมือนที่เราเคยกินๆ กัน เส้นลอดช่องมีความเหนียวนุ่ม เคี้ยวหนุบหนับ ราดน้ำกะทิเข้มข้นกำลังดี
- ลอดช่องชมพู สีแดง (20 บาท) ก็คือแบบไม่ใส่น้ำกะทิ แก้วนี้จะมีรสชาติที่หวานกว่าสีเขียวนิดนึงค่ะ ตัวลอดช่องชมพู เหนียวนุ่มหนึบหนับเหมือนสีเขียวเลย หอมกลิ่นน้ำเชื่อมนมแมว หวานเย็นชื่นใจ
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : ลอดช่องหล่อโรง ร้านเจ้าดังภูเก็ต ลีลาเด็ดขวัญใจแห่งตลาดฉำฉา!
ร้านที่ 8 : นานาบ้าบิ่น
บ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน ที่ใช้มะพร้าวอ่อนน้ำหอมแท้ๆ100% ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามรพ.กรุงเทพ ใกล้กับร้านอาโป้ง เวลาที่ร้านเริ่มทำขนมบ้าบิ่นขาย ก็จะส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้หิวมากๆ จี่แป้งจนด้านนอกกรอบ ส่วนด้านในนุ่มหนึบตามสไตล์ ใส่ไส้มาให้แบบเน้นๆ รสชาติหวานมันเค็ม อร่อยกลมกล่อมครบรส มีให้เลือกถึง 5 ไส้ด้วยกัน มะพร้าวอ่อน ,ข้าวโพด, เผือก, ถั่วดำ และบีโกหมอย
อยากแนะนำเป็นไส้มะพร้าวอ่อนมากกก ที่ร้านใช้มะพร้าวอ่อนแบบถูกใจจริงๆ อ่อนตะโกนนนน! เนื้อเบาบาง นุ่มละมุนลิ้น คลุกเคล้ากับแป้งจนนวลเนียน กัดไปคำไหนก็เจอเนื้อมะพร้าว รสชาติหวาน มัน หอม อร่อยกำลังดี แป้งด้านนอกมีความหนากรอบ ชอบที่ทางร้านไม่ใส่สารกันบูด และใช้น้ำมะพร้าวน้ำหอมแท้ 100%
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : นานาบ้าบิ่น ร้านบ้าบิ่นภูเก็ต หอมหวาน มัน ใส่มะพร้าวอ่อนเต็มๆ
ร้านที่ 9 : โกเบนซ์ ข้าวต้มแห้ง
โกเบนซ์เป็นร้านของแท้เจ้าแรก และเจ้าเดียวที่ได้ มิชลินไกด์ บิบ กูร์มองด์ มายาวนานกว่า 3 ปี ด้วยความอร่อยของรสชาติข้าวต้มแห้ง ผสมผสานไปกับน้ำซุปที่หอมหวานกลมกล่อม ทำให้รสชาตินี้เป็นที่ครอบครองใจนักชิมมากว่า 20 ปี ด้วยความที่มีดีกรี เป็นถึงร้านระดับมิชลินไกด์ จึงไม่แปลกที่ใครๆ ก็ต่างอยากมาลิ้มลองรสชาติ
เริ่มต้นกันด้วยเมนู ข้าวต้มแห้ง เมนูหลักเจ้าประจำของทางร้าน เมนูข้าวต้มแห้งของที่นี่หนักเครื่องมากๆ ทั้งหมูสับก้อน หมูกรอบชิ้นใหญ่ กระดูกหมู เครื่องในครบครัน ไอเท็มเด็ดที่ช่วยชูโรงความอร่อยให้จานนี้นั่นก็คือ กากหมู และกระเทียมเจียวกลิ่นหอมกรุ่น เมื่อได้มาแล้วก็เริ่มทำการคลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นกินพร้อมกันในคำเดียว ชามนี้บอกเลยว่าฟินไม่ไหว!
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : โกเบนซ์ ข้าวต้มแห้งเจ้าแรกในภูเก็ต ดีกรีร้านดังระดับมิชลิน!
ร้านที่ 10 : ปาท่องโก๋แม่ปรานี (นาคา)
พามากินอาหารเช้าแบบเบาๆ กันที่ร้าน ปาท่องโก๋แม่ปรานี (นาคา) ร้านปาท่องโก๋เจ้าอร่อยที่คว้ารางวัล มิชลิน ไกด์ มาครอบครอง ทีเด็ดของทางร้านเป็นปาท่องโก๋ตัวเล็ก ไม่อมน้ำมัน กรอบนอกนุ่มในกำลังดี มีความหนึบให้เคี้ยวเพลิน จิ้มกับสังขยาไข่ภูเก็ตสูตรดั้งเดิม เรียกได้ว่าเป็น Street Food ที่รสชาติไม่ธรรมดาจริงๆ
ปาท่องโก๋ ซาลาเปา ทอดมาแบบกรอบๆ ร้อนๆ เลย ตัวปาท่องโก๋ไม่อมน้ำมันเลยค่ะ ด้านนอกกรอบ เนื้อข้างในจะเหนียวหนึบหนับ รสชาติกลมกล่อมไม่หวาน มีความเค็มๆ นิดๆ ใครชอบปาท่องโก๋กรอบๆ จะชอบ ทั้งคู่คือจิ้มกับสังขยาทั้งสองสูตรคืออร่อยกลมกล่อม หวานกำลังพอดี ไม่โดดจนเกินไปค่ะ ในส่วนของสังขยาก็จะรสชาติหวานหอม กลิ่นหอมตั้งแต่เปิดถ้วยเลย
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : ปาท่องโก๋แม่ปรานี (นาคา) โก๋กรอบนอกนุ่มใน จิ้มสังขยาไข่รสเด็ด!
ร้านที่ 11 : อาโป้งแม่สุณี
ใครได้แวะเวียนไปเยือนถิ่นเมืองเก่าอย่างภูเก็ต อย่าลืมมาลองร้านขนมพื้นเมืองในตำนานอย่าง ขนมอาโป้ง ขนมท้องถิ่นรสชาติหวานหอม แป้งกรอบนุ่มเคี้ยวเพลิน เรียกได้ว่าเป็นขนมประจำจังหวัด ภูเก็ต เลยก็ว่าได้ วันนี้เราพามาลองร้าน อาโป้งแม่สุณี ร้านขนมที่ขายมายาวนานกว่า 50 ปี ด้วยรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมไม่เหมือนใคร ทำให้นำไปสู่รางวัล MICHELIN GUIDE 2022
รอบนี้เราไปรอคิวกันตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ใช้เวลาไม่นานก็ได้มาแล้วค่า ราคาจะอยู่ที่ชิ้นละ 3 บาท 7 ชิ้น 20 บาท ซึ่งไม่แพงเลย สบายกระเป๋ามาก! ตัวขนมอาโป้งชิ้นใหญ่กำลังเลย ด้านนอกมีความกรอบเบาๆ ส่วนด้านใน เนื้อแป้งจะมีความหนานุ่ม รสชาติหวานกลมกล่อม หอมกลิ่นเตาถ่านเบาๆ ทานเล่นเพลินๆ แป๊บเดียวหมดถุง
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : อาโป้งแม่สุณี ร้านขนมพื้นเมืองแห่งภูเก็ต ตำนานเจ้าเด็ดกว่า 50 ปี
ร้านที่ 12 : โลบะบางเหนียว
ร้านโลบะบางเหนียว (สูตรดั้งเดิม) จากร้านรถเข็นริมทางธรรมดา นำไปสู่ตำนานร้านอาหารพื้นเมืองเจ้าดังที่เราพามาลิ้มลองความอร่อยกันในวันนี้ ร้านนี้เปิดขายมานานกว่า 50 ปี เรียกได้ว่าเป็นร้านที่มีลูกค้าขาประจำตั้งแต่รุ่นเด็ก ยันรุ่นลุงเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังพ่วงรางวัลมิชลินไกด์ 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ 2019 จนถึงปัจจุบัน แสดงว่าความอร่อยไม่เป็นสองรองใครแน่นอน ซึ่งไฮไลท์ของร้านนี้ก็คือตัวโลบะ ตุ๋นกับเครื่องเทศยาจีนจนได้กลิ่นหอมกรุ่น เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ น้ำจิ้มสูตรเฉพาะอร่อยลงตัว
โลบะ ชุดเล็ก รวมทุกอย่าง ซึ่งจะมีเนื้อหมู และเครื่องใน เอาไปตุ๋นกับพะโล้จนเนื้อนุ่มได้ที่ ก่อนเสิร์ฟ ที่ร้านจะเอาไปทอดเพื่อเป็นการอุ่นให้ร้อน กรอบนอกเบาๆ อีกหนึ่งทีเด็ดคือ น้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน น้ำจิ้มเค้าจะไม่เหมือนที่อื่น เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน ครบรส ใส่น้ำกระเทียม และถั่วป่นมา รสชาติคล้ายๆ น้ำจิ้มแหนมเนือง จิ้มกับเมนูโลบะ ช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อยยิ่งขึ้น
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : โลบะบางเหนียว ร้านอาหารพื้นเมืองแห่งภูเก็ต ตำนานรสเด็ดไม่ควรพลาด!
ร้านที่ 13 : Phuketique
มาแรงสุดๆ กับกระแสเมนู ของหวาน อย่าง Burnt Butter Toast with Hokkaido Milk Ice Cream ชื่อยาวขนาดนี้หลายคนคงไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่า “บัตเตอร์โทสต์ภูเก็ต” แล้วล่ะก็ ต่างก็ต้องร้องอ๋อแน่นอน ร้านนี้มีชื่อว่า Phuketique Coffee Bar ไฮไลท์ของเค้าก็คือ Burnt Butter Toast รสชาติหอมหวานฉ่ำไม่เหมือนใคร ด้านนอกกรอบ ด้านในชุ่มฉ่ำเนยน้ำตาลสุดละมุนลิ้น โปะด้วยไอศกรีมโฮมเมดสูตร signature อร่อยโคตรนัวแบบไม่สนแคล!
ขนมปังมีความไหม้กับน้ำตาลเป็นคาราเมลกรอบๆ ตัดออกมาด้านในคือนุ่มชุ่มฉ่ำมากๆ รสชาติหวานจริงจัง หวานตะโกน แต่ตัดด้วยความเค็มตัดนิดๆ แต่ลงตัว ทานคู่กับ ไอศกรีมรสฮอกไกโด เป็นรสชาติยอดนิยม เป็น signature ของทางร้านเลยค่ะ ตัวไอศกรีมมีความหวานหอม เหนียวนุ่มละมุนลิ้น กินคู่กันคือละมุนลงตัวมาก
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : Phuketique กับเมนูดังสุดไวรัล โทสต์หอมๆ ชุ่มฉ่ำเนยแท้ๆ แห่งถิ่นภูเก็ต!
ร้านที่ 14 : Day and Night
Day and Night of Phuket อีกหนึ่งร้านอาหารที่พร้อมให้คุณดื่มด่ำ กับบรรยากาศสไตล์วินเทจ เหมือนหลุดเข้ามาในร้านยุโรปต่างประเทศ แต่อยู่ใกล้แค่ใจกลางภูเก็ต มาที่นี่ให้คุณครบ ทั้งคาเฟ่ บาร์แฮงเอ้าท์ และร้านอาหารฟิวชั่น เป็นการผสมผสานที่ลงตัว ทำให้เรา Enjoy ได้แบบ All Day, All Night ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ นอกเหนือจากนี้ยังมีเมนูอาหารหลากหลาย จัดเต็มทั้งอาหารคาวหวานหลากหลายสัญชาติ ที่สำคัญรสชาติดีด้วยนะ
ร้านอาหารแห่งนี้เรียกได้ว่าตอบโจทย์ผู้คนหลากหลายสไตล์จริงๆ ไม่ว่าจะมากินข้าว นั่งชิลฟีลคาเฟ่ หรือรวมกลุ่มกับชาวแก๊งค์เพื่อมาแฮงเอ้าท์ ฟังดนตรี พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนก็ครบครัน เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว ที่สำคัญที่ร้านพร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้กับคุณตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงคืนตรงตามคอนเซ็ปต์
อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่ : Day and Night ร้านอาหารใจกลางภูเก็ต ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์
ร้านที่ 15 : ไอติม I-SKOOP
อากาศร้อนไม่ไหว ก็เลยขอเติมพลังด้วยของหวานเย็นๆ ให้ชื่นใจซักนิดกับ ร้านไอติม I-SKOOP ร้านเปิดใหม่เมนูน่ากินเพียบ ทีเด็ดน่าลองของเค้าคือ ไอติมหมูยองพริกเผา กับ ไอติมกะทิไข่เยี่ยวม้า ประสบการณ์ใหม่ กับรสชาติที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน!
- ไอติมกะทิไข่เยี่ยวม้า ไอติมเนื้อนุ่ม รสชาติกะทิเข้มข้นหวานมัน โปะด้วยไข่เยี่ยวม้าชิ้นโต ทานแล้วไม่คาวอย่างที่คิด มีความแปลกใหม่ ได้รสสัมผัสที่หลากมิติมาก เค็ม มัน หวาน ท้าให้มาลองเองค่า
- ไอติมกะทิหมูหยองน้ำพริกเผา อีกหนึ่งความแตกต่างที่เข้ากันอย่างลงตัว ราดน้ำพริกเผารสชาติเข้มข้น โปะด้วยหมูหยองหวานเค็ม กินคู่กับไอติมกะทิแล้วเข้ากันดีค่ะ
ร้านที่ 16 : พิเศษ ภูเก็ต
เช็คอินของกินแล้วมาฟินกับความอร่อยที่ร้านพิเศษ ร้านอาหารภูเก็ต ที่ดีไซน์เมนูได้อย่างพิเศษ คุณภาพดี ได้สมชื่อร้าน ร้านนี้เป็นตึกแถวสไตล์ชิโนโปรตุกีส 2 คูหา ตกแต่งด้านในได้น่ารักจนอยากเข้าไปนั่งเล่นเพลินๆ เมนูเด็ดของร้านนี้ที่มาแล้วต้องสั่งคือ ชาเย็นโคตรพิเศษ ใหญ่บิ้กเบิ้มโดนใจ ใครเห็นก็อดใจไม่ไหวที่จะต้องลองสั่ง!
- ชาเย็นร้านพิเศษ (150 บาท) บอกเลยคนรักชาเย็นต้องมาจ้า ชาเข้มๆ ไม่หวานมาก หอมกลิ่นชา ถ้าชอบวิปครีมสั่งเมนูนี้เลย ซอสคาราเมลที่ราดก็คืออร่อย แต่ถ้าไม่อยากวิปครีม ก็มีแบบไม่วิป หรือจะเปลี่ยนเป็นไข่มุกก็มีจ้า
ร้านที่ 17 : ASTERISK
ร้านคาเฟ่บรรยากาศดี ที่มีสไตล์การตกแต่งแบบมินิมอล โทนไม้ ขาว ทำให้ร้านดูคลีน สะอาดตา ช่วยเพิ่มฟิลลิ่งความเป็นญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น ในส่วนของด้านนอกก็จะมีมีพื้นที่ให้นั่งผ่อนคลาย ต้นไม้เยอะ รื่นรื่น ไม่ว่าจะนั่งคุยงาน นั่งเม้ากับเพื่อน หรือจะมากนั่งพักผ่อน ตอบโจทย์แน่นอน
ใครที่เป็นคอกาแฟน่าจะชอบค่ะ ร้านนี้ใช้เมล็ดที่ทางร้านคั่วเองอย่าง osmosis coffee roaster มีบาริสต้าที่คอยควบคุมคุณภาพของรสชาติ ทำให้ใครมาทาน ก็ถูกใจทุกรสชาติที่ต้องการแน่นอน ยิ่งภายในร้านจะมีที่นั่งเป็นบาร์ยาว ทำให้ลดช่องว่างระหว่างลูกค้ากับบาริสต้า ได้พูดคุยแนะนำเรื่องรสชาติกาแฟที่ต้องการมากขึ้น เราสั่งเป็นเมนูลาเต้ร้อน และเย็นมา กลมกล่อม หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟ รสชาติดีเลยค่ะ
ร้านที่ 18 : จ่วนเฮี้ยงติ่มซำ
ร้านอาหารภูเก็ต หนึ่งในมื้อเช้ายอดนิยมของชาวภูเก็ต นอกจากขนมจีน โรตี ไปเยือนแถวไหนก็ต้องมีติ่มซำ และหากถามชาวภูเก็ตว่าติ่มซำร้านไหนอร่อย ร้อยทั้งร้อยหนีไม่พ้น จ่วนเฮี้ยงติ่มซำ ติ่มซำเจ้าเก่าแก่ของภูเก็ต ขายมานานกว่า 100 ปี ที่ร้านจะมีเมนูติ่มซำมากมาย นึ่งร้อนๆ สดใหม่ทุกเช้า ของทอดก็มีนะ ที่สำคัญน้ำจิ้มเด็ดดีงามมแบบฉบับคนภูเก็ตแท้ๆ เลยค่า
สำหรับเมนูที่ร้านนี้บอกเลยว่า ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์มาก ราคาเริ่มต้นเพียง 12 บาทเท่านั้น มีให้เลือกหลากหลายมากกว่า 20 อย่างเลยทีเดียว รสชาติกลมกล่อมทุกชาม ร้อนๆ กำลังอร่อย จิ้มคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของทางร้าน เค็มเผ็ดหวานครบรส เข้ากันได้ดีกับเมนูติ่มซำเลยค่ะ
ร้านที่ 19 : แป๊ะหลี โอ้เอ๋ว
มาภูเก็ตทั้งทีก็ต้องมาลองเมนูของหวานขึ้นชื่อของคนท้องถิ่นอย่าง โอ้เอ๋ว กันซักหน่อย ร้านนี้มีชื่อว่า แป๊ะหลี โอ้เอ๋ว ร้านเก่าแก่ในตำนาน ขายมากว่า 100 ปี โอ้เอ๋วเป็นพืชชนิดนึง เอามาต้ม คล้ายๆ เฉาก๊วย ลักษณะจะเป็นสีใสๆ คล้ายวุ้นนุ่มๆ กินคล้ายน้ำแข็งใส ใส่น้ำเชื่อม กับน้ำแดง กินแก้ร้อนใน และลดการกระหายน้ำ เหมาะกับอากาศร้อนๆ แบบภูเก็ตได้ดีทีเดียวค่า
สำหรับร้านนี้เค้าอยู่คู่ย่านภูเก็ตมานานกว่า 100 ปีแล้วค่ะ ที่ร้านจะมีเครื่อง 3 อย่าง คือ โอ้เอ๋ว เฉาก๊วย และถั่วแดง สามารถเลือกใส่ได้ตามชอบ กินตอนอากาศร้อนๆ ชื่นใจ ใครมาเที่ยวภูเก็ตเดินเล่นย่านเมืองเก่าไม่ควรพลาดร้านนี้เชียวนะ
สรุป
จริงๆ แล้ว นอกเหนือจากการ รวมร้านภูเก็ต ทั้ง ร้านอาหารภูเก็ต เด็ดตั้งแต่ ร้านมิชลินไกด์ จนไปถึงร้านเจ้าถิ่น! ที่แป้งนำมาบอกต่อเพื่อนๆ นั้น ภูเก็ตไม่ได้มีดีแค่ทะเลจริงๆ ครั้งนี้เราเต็มอิ่มทั้งบรรยากาศ และก็ร้านอาหารเพียบเลยนะ ที่ภูเก็ตยังเหลือร้านอาหารอีกมากมาย รอให้พวกเราไปลิ้มลองรสชาติความอร่อยกันถึงที่ แพ็คกระเป๋าเก็บของ แล้วออกมาใช้ชีวิตให้สนุกกันเถอะ! ส่วนครั้งหน้าถ้าอยากเห็นพวกเราไปตะลุยกินที่ไหนอีก ก็อย่าลืมติดตามกันต่อไปด้วยน้า